วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พระในบ้านที่หลายคนมองข้าม

            ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมในขณะนี้ ทำให้หลายต่อหลายคนเลิกสนใจคำว่าจริยธรรม  และ ศีลธรรม  เพียงเพราะทุกคนจ้องมองไปที่คำว่า  ความอยู่รอดเท่านั้น    ข้าพเจ้าได้นำเสนอเรื่องที่ว่า   พระในบ้านที่คนมองข้าม บางคน  สังเกตได้ว่าชอบไปทำบุญ  ตามสถานที่ต่างๆ  การทำบุญเป็นเรื่องที่ดีค่ะ  แต่อยากฝากถึงทุกท่านว่า  อย่าลืมทำบุญกับพระในบ้านของเราด้วย  พระท่านเทศน์ว่า  บิดา มารดา เปรียบดังพระอรหันต์ของลูก  เรากราบไหว้พระทุกครั้ง แล้วเรากราบไหว้พ่อแม่เราหรือยังเคยได้ยินคำนี้ใช่ไหม ว่า  ลูกสิบคน พ่อแม่เลี้ยงได้  แต่ทำไม่ลูกสิบคน เลี้ยงพ่อแม่แค่สองคนไม่ได้  หากคุณ เคยดุด่า ว่ากล่าวบิดามารดา ทำให้ท่านน้ำตาไหล นั่นจะเป็นการทำบาปอย่างไม่รู้ตัวในทันที  ลูกคนนั้นจะกลายเป็นคนบาป  หากไม่สำนึกจะกลายเป็นคนทำอะไรไม่ขึ้น           
         บางคนจะบอกว่า พ่อ แม่ไม่มีเวลาให้ตนเอง เลยทำตัวเกเร เที่ยวเตร่กับเพื่อนฝูง แต่คุณรู้ไหมว่า เวลาที่ท่านทุ่มเทไปนั้น ท่านทุ่มเพื่อใคร  ทำเพื่อลูกทั้งนั้น  เพราะท่านไม่อยากเห็นลูกลำบาก  ถึงได้เร่งสร้างตัวให้มั่นคง  เพื่อที่ลูกจะสบาย ไม่ลำบากเหมือนท่านที่เคยเป็นมาก่อน  แทนที่เราจะโกรธเคืองท่าน  ข้าพเจ้าคิดว่าเรามาหาทางช่วยเหลือท่านจะดีกว่าไหม  การที่เราปฏิบัติตัวดี ตั้งใจเรียน ไม่ทำผิด  นั่นเท่ากับเป็นการสร้างกำลังให้พวกท่านเหลือจะนับ และเป็นการเอาชนะใจตนเองอีกทางหนึ่งด้วย   บางคนก็บอกว่า เพราะท่านชอบบ่น ด่า ว่าเราลองตรองให้ลึก  นึกให้ดีๆ  ท่านทำไปเพราะมีเหตุผล  ที่ท่านว่า เพราะท่านเป็นห่วงเรา  หากเพียงเราจะมองแยกย่อยลงไป จะพบคำเล็กๆ แต่ความหมายยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น คือ  คำว่า  "  รัก"  นั่นเอง   คุณรู้ไหมว่า  ตอนที่ท่านทุกข์ใจ คือ ตอนที่ลูกมีแฟน ท่านห่วง กังวลไปสารพัดกลัวว่าคนที่มาคบกับลูกของตนนั้นจะเป็นคนไม่ดี ข้าพเจ้าว่า ยามที่เราอกหัก ไม่สมหวัง  คนที่เราต้องหันกลับมามอง  นั่นคือตัวเรา  และคนที่รักเรามากกว่าใครในโลก  คือ พ่อ และ แม่ของเรา       
      ในยามที่เราจะกำเนิดมานั้น  ท่านเจ็บปวดมากมาย สักเพียงไหน เพื่อจะให้ลูกออกมาดูโลกใบนี้ คิดดูเถอะเพียงแค่มีดบาดมือ  เรายังน้ำตาไหล  แต่ท่าน เจ็บปวดมากมายนัก  แต่ก็ยินดี  ที่เห็นลูกอันเป็นที่รักลืมตามาดูโลกใบใหม่  คนเป็นลูก  ไม่ว่าจะดีหรือร้าย  พ่อแม่ก็ยังรัก เสมอ  ท่านมีความสุขกับการเฝ้าเลี้ยงดู  เฝ้ามองการเจริญเติบโตของลูกๆ  อย่างพวกเราตลอดมา    ข้าพเจ้าปลื้มมากเมื่อดูภาพสมัยเด็ก  เห็นพ่อแม่จูบฝ่าเท้าเล็กๆของเรายังอดน้ำตาซึมไม่ได้  สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจคือ  เหตุใดเมื่อเราเดินได้ด้วยตัวเองแล้ว  เราจึงพยายามเดินจากท่านไป
           ได้โปรดอย่าลืมว่า  พ่อ แม่ ผู้ให้กำเนิดเป็นสิ่งที่จะมีเพียงคู่เดียวในโลกเท่านั้น ไม่เหมือน เพื่อน คนรัก  ที่ไม่ดีเราก็เลิกคบ แล้วหาเพื่อนใหม่ หาคนรักใหม่   วันนี้เรามีท่านอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าอยากให้ทุกคนรัก และเอาใจใส่ท่านมากๆ  สมกับที่ท่านอดหลับอดนอนเลี้ยงเรามา เพราะหากวันใดวันหนึ่งที่เราไม่มีท่านแล้ว  เราจะหมดโอกาสทดแทนพระคุณของท่านเช่นกัน  ยังมีอีกหลายล้านคนในโลกใบนี้  ที่อยากอยู่กับ         พ่อแม่แต่ไม่มีโอกาส  หากคุณเป็นคนที่โชคดี  มีท่านอยู่พร้อมหน้าแล้ว  คุณจะปล่อยให้โอกาสดีๆเช่นนี้หลุดลอยไปหรือ    

         มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวว่า พระนอกบ้านนั้น  เป็นศรัทธาของทุกคนอยู่แล้ว  หากวันหนึ่งเราไม่ได้ไปถวายทาน  คนอื่นเขาก็ยังไปถวายอยู่ดี  หากพระในบ้านของคุณนั้น เมื่อท่านไม่สนใจ หาอาหารการกินให้ทาน  ไม่พูดจาเสวนากับท่าน  ใครเล่าจะไปให้ความสนใจอีก  อย่ามัวเดินตามคนอื่นอยู่ อย่ามัวเดินตามความเจริญทางวัตถุที่มากกว่าจิตใจ มีบทกลอนหนึ่งที่ข้าพเจ้าท่องจนขึ้นใจ  และนำมาใช้ยามที่เราหมดกำลังใจ ไม่ว่าจากการเรียน การทำงาน
                           "พ่อแม่ไม่ มีเงินทอง มากองให้          จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ
                        หาวิชา ความรู้ เป็นคู่มือ                          เพื่อยึดถือ เอาไว้ ใช้เลี้ยงกาย
                       พ่อกับแม่ มี แต่ จะแก่เฒ่า                       จะเลี้ยงเจ้า เรื่อยไป นั้นอย่าหมาย
                      ใช้วิชา ช่วยตน ไปจนตาย                      ลูกสบาย แม่พ่อ ก็ชื่นใจ"

          ดังนั้น  ช่วงเวลาที่เรามีกันและกันอยู่  เราจึงต้องรักและดูแลกันให้มาก  ข้าพเจ้าไม่อยากใช้คำพูดว่า   "  ฉันน่าจะทำ.........."  แต่อยากบอกว่า "ดีแล้วที่ฉันทำหน้าที่ของตนโดยสมบูรณ์"  พอพูดถึงแม่  นั้น แม่สอนลูกได้แปลกประหลาดมาก  ตอนทานอาหารเย็น  แม่จะเปิดเทปธรรมะให้พวกเราฟัง  จนมันซึมลึกอย่างไม่รู้ตัว  มีบางครั้งที่คึกคะนอง  ท่านจะใช้คำพูดตะล่อมจนอยู่หมัด  ไม่ตี   ไม่ด่า  แต่ข้าพเจ้าก็สามารถร้องไห้ได้ทุกครั้งที่ท่านสอน ข้าพเจ้าอยากนำเสนอเรื่องราวในเชิงศีลธรรม จริยธรรม ไปสู่สายตาของทุกท่าน  เพื่อเตือนสติ  ให้ทุกครั้งที่เราจะทำสิ่งใดลงไป  ได้โปรด นึกถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังของคุณด้วย  อย่างน้อยข้าพเจ้าก็ดีใจ ที่ได้เขียนให้คนอื่นได้เห็นความดีงามของพุทธศาสนา ที่นับวันจะเลือนหายไปในสังคมเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น